การเพิ่มรายการอ้างอิงด้วยตนเอง

(วันที่ 26 เมษายน 2564)

การเพิ่มรายการอ้างอิงด้วยตนเองสำหรับการใช้งานบน Windows จะพบปัญหาไม่แสดงภาษาไทย แต่จะแสดงเป็นสี่เหลี่ยมแทน บนหน้า Summary และบนหน้า Edit ทางซ้ายมือ ซึ่งต้องรอการแก้ไขจาก บริษํท EndNote แต่บน macOS ไม่มีปัญฆาการแสดงข้อความภาษาไทย

ขั้นตอนการเพิ่มรายการอ้างอิง มีดังนี้

1. ใส่รายการอ้างอิงโดยคลิกที่ References > New Reference หรือคลิก หลังจากที่สร้างหรือเปิด Library

2. จะปรากฎหน้าต่างดังภาพ

3. คลิกเลือกประเภทเอกสารในช่อง Refernce Type ให้ตรงกับเอกสารที่จัดเก็บ เช่น

  • หนังสือ หรือ text book เลือก refernce ype เป็น Book
  • รูปภาพที่เราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เลือก Refernce Type เป็น Figure
  • บทความวารสาร เลือก Refernce Type เป็น Journal Article
  • วารสาร เลือกRefernce Type เป็น Serial
  • วิทยานิพนธ์ เลือก Refernce Type เป็น Thesis
  • ข้อความจากเว็บ เลือก Refernce Type เป็น Web Page
  • หากประเภทเอกสารไม่มีตามที่ระบุไว้ ให้เลือก Refernce Type เป็น Generic
  • Reference Types 3 ประเภท ได้แก่ Figure, Chart or Table และ Equation เป็นประเภทสำหรับไฟล์รูปภาพและไฟล์ object โดยเฉพาะ ดังนั้นจะต้องแทรกไฟล์หรือรูปภาพ รวมทั้งใส่ caption ในรายการนั้นด้วย

4. ในช่อง Author ใส่ชื่อผู้แต่ง
ในกรณีชื่อผู้แต่งเป็นภาษาอังกฤษ สามารถพิมพ์ได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

  1. นามสกุล (Last Name) ตามด้วยคอมม่า (comma) และชื่อ (First name) ตัวอย่างเช่น Beaver, Ghaham
  2. ชื่อ (First name) ตามด้วย นามสกุล (Last Name) ตัวอย่างเช่น Ghaham Beaver
ในกรณีที่ชื่อผู้แต่งหรือชื่อหน่วยงานภาษาไทย ให้ใส่เครื่องหมาย , หลังนามสกุลหรือชื่อหน่วยงาน เช่น
  • ศิลป พีระศรี,
  • มาลินี อนุพันธ์สกุล,
  • มหาวิทยาลัยศิลปากร,
  • สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร,

กรณีที่มีผู้แต่งมากกว่า 1 คน ให้ใส่ชื่อผู้แต่ง 1 ชื่อต่อ 1 บรรทัด โดยกดปุ่ม Enter

5. ในช่อง Year ใส่ปีพิมพ์ที่เป็นตัวเลข 4 หลัก เช่น 2562 ในหนังสือภาษาไทยและ 2019 ในหนังสือ ภาษาต่างประเทศ

6. ในช่อง Title ใส่ชื่อเรื่อง ในกรณีชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ ให้ขึ้นต้นชื่อเรื่องเป็น Capital Letter

Refernce Type เป็น Book

7. ในช่อง Place Published ใส่สถานที่ของสำนักพิมพ์ เช่น กรุงเทพฯ

8. ในช่อง Publisher ใส่ชื่อสำนักพิมพ์ ตามที่ปรากฏในหน้าปกใน

9. ในช่อง Edition ใส่ครั้งที่พิมพ์ ตามที่ปรากฏในหน้าปกใน เช่น พิมพ์ครั้งที่ 2 หนังสือภาษาไทย และ 2nd หนังสือภาษาต่างประเทศ ในกรณีที่พิมพ์ครั้งที่ 1 ไม่ต้องระบุ

Refernce Type เป็น Journal

10. ในช่อง Journal ใส่ชื่อวารสาร

11. ในช่อง Volume ใส่ปีที่

12. ในช่อง Issue ใส่ฉบับที่

13. ในช่อง Pages ใส่เลขหน้า หากเป็นวารสาร หมายถึง ช่วงเลขหน้าของบทความ ตัวอย่างเช่น 131-139 หรือ 131-9

Refernce Type เป็น Thesis

14. ในช่อง Academic Department ใส่ชื่อภาควิชาหรือสาขาวิชา

15. ในช่อง Place Published ใส่สถานที่ตั้ง

ในกรณีใช้ Style APA ให้กรอกตามนี้

  • ระดับปริญญา มหาวิทยาลัย สถานที่ตั้งลงในช่องนี้ทั้งหมด
    ตัวอย่าง ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพฯ

16. ในช่อง University ใส่ชื่อมหาวิทยาลัย

17. ในช่อง Degree ใส่ระดับปริญญานิพนธ์ เช่น

  • ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต
  • Doctor of Philosophy in Design Arts
  • ปริญญาศิลปมหาบัณฑิต
  • Master of Fine Arts Program

18. ในช่อง Advisor ใส่ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา

19. ในช่อง Abstract ใส่สาระสังเขป เพื่อสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลังได้

Refernce Type เป็น Web Page

20. ในช่อง URL

  • ภาษาไทย ให้ใส่ คำว่า "สืบค้นจาก" ตามด้วย URL เช่น สืบค้นจาก http://www.sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/1236
  • ภาษาอังกฤษ ให้ใส่ คำว่า "Retrieved from" ตามด้วย URL เช่น Retrieved from http://www.sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/248

21. เมื่อใส่ข้อมูลเสร็จเรียบร้อยให้คลิกปุ่ม Windows close window บน Windows หรือคลิกปุ่ม macOS Close window บน macOS เพื่อบันทึกข้อมูล

22. จะปรากฏหน้าต่าง แจ้งเตือนให้คลิกปุ่ม Yes สำหรับใช้งานบน Windows หรือ คลิกปุ่ม Save สำหรับใช้งานบน macOS เพื่อบันทึกข้อมูล